เอาชนะ “เสียงในหัว” เคล็ดลับจิตวิทยาในเกมกอล์ฟ (Overcoming Self-Doubt)

เอาชนะ “เสียงในหัว” เคล็ดลับจิตวิทยาในเกมกอล์ฟ (Overcoming Self-Doubt)

เคยไหมครับ ยืนอยู่หน้าลูกกอล์ฟในช็อตสำคัญ แล้วในหัวก็มีเสียงแว่วมาว่า “พลาดแน่ๆ” หรือ “เดี๋ยวก็ตีไม่ดีอีก”

ความรู้สึกนี้เรียกว่า “ความสงสัยในตัวเอง” (Self-Doubt) และมันคืออุปสรรคทางจิตใจที่ร้ายกาจที่สุดในสนามกอล์ฟ มันไม่ใช่ความกลัว แต่อาจเป็นต้นเหตุของความกลัว มันคือความไม่แน่ใจในความสามารถของตัวเอง

ในหนังสือ The Inner Game of Golf ทิโมธี กัลล์เวย์ อธิบายว่า ปัญหาหลักในการตีกอล์ฟไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย แต่อยู่ที่ “เกมภายใน” (Inner Game) ที่เกิดขึ้นในหัวของเรานี่เอง

วิดีโอแนะนำ

เสียงในหัวที่ชื่อ Self 1

เสียงในหัวที่ชื่อ “Self 1”

เราทุกคนมีตัวตนสองส่วนอยู่ในตัวเอง

  • Self 1 (ตัวตนที่ 1): คือ “เสียงในหัว” ที่คอยพูด คอยวิจารณ์ คอยสั่งการ และคอยตัดสินเราตลอดเวลา มันคือตัวตนที่ชอบพูดว่า “ตีห่วยจัง” “ทำไมทำแบบนั้น” “ต้องเกร็งกว่านี้”
  • Self 2 (ตัวตนที่ 2): คือ “ร่างกาย” หรือ “สัญชาตญาณ” ของเรา มันคือส่วนที่รู้วิธีตี รู้วิธีเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ

ความสงสัยในตัวเอง เกิดจาก Self 1 ที่ไม่ไว้ใจ Self 2

ข่าวดีก็คือ “ความสงสัย” เป็นสิ่งที่ถูกเรียนรู้มาทีหลัง เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับมัน ลองนึกถึงตอนเราเป็นเด็กหัดเดิน เราแค่ล้มแล้วก็ลุกขึ้นเดินต่อ เราไม่เคยสงสัยว่าตัวเองจะเดินไม่ได้ แต่พอเราโตขึ้น เราเริ่มเรียนรู้ที่จะสงสัยในตัวเอง

กับดักของ การพยายามมากเกินไป

กับดักของ “การพยายามมากเกินไป”

เมื่อ Self 1 เริ่มสงสัยในความสามารถของเรา มันจะสั่งให้เรา “พยายามมากขึ้น” (Trying Harder)

เราคิดว่าเราต้องพยายามบังคับร่างกาย ต้องเกร็ง ต้องควบคุมทุกอย่างให้เป๊ะ แต่การ “พยายาม” นี่แหละที่สร้างปัญหา การพยายามที่เกิดจากความสงสัยจะนำไปสู่ “ความเกร็ง” (Overtightness) และความเกร็งนี่เองที่ทำลายวงสวิงที่เป็นธรรมชาติของเรา

เรามักจะ “พยายาม” ในรูปแบบที่ผิดๆ 5 อย่างในสนามกอล์ฟ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากความสงสัยในตัวเอง:

  • 1. พยายามตีให้โดน: เกิดจากความกลัวในระดับพื้นฐานว่าจะตีวืด หรือตีไม่โดนลูก
  • 2. พยายามตีให้ลอย: เกิดจากความไม่เชื่อว่าหน้าไม้จะ “งัด” ลูกให้ลอยได้เอง เราเลยพยายาม “ตัก” หรือ “งัด” ลูกด้วยตัวเอง
  • 3. พยายามตีให้ไกล: เรา equate (เท่ากับ) ความไกลกับการใช้แรง เราจึง “อัด” ลูกเต็มแรง ใช้กล้ามเนื้อมากเกินไปจนวงสวิงเสีย
  • 4. พยายามตีให้ตรง: เราพยายาม “บังคับ” หรือ “คัดท้าย” (Steering) ลูกให้ตรงเป้าหมาย ซึ่งทำให้เสียจังหวะธรรมชาติ
  • 5. พยายามตีให้ “ถูกท่า”: นี่คือข้อที่อันตรายที่สุด เราคิดถึงทฤษฎีวงสวิงมากเกินไป “ต้องอย่างนั้น” “ห้ามอย่างนี้” จนร่างกายไม่เป็นอิสระ
ทำยังไงเมื่อ เสียงในหัว ดังขึ้น

ทำยังไงเมื่อ “เสียงในหัว” ดังขึ้น

การเอาชนะความสงสัยในตัวเอง ไม่ใช่การพยายามคิดบวกสู้ แต่คือการ “ปล่อยวาง” การควบคุมของ Self 1 และหันมา “เชื่อใจ” Self 2 (ร่างกาย) มากขึ้น

ขั้นตอนที่ 1: แยกแยะเสียงในหัว สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตระหนักรู้ว่า “เสียงที่กำลังวิจารณ์เราอยู่นั้น… ไม่ใช่ตัวเรา” มันเป็นแค่ความคิดที่ลอยเข้ามาเหมือนก้อนเมฆ การที่เรา “ได้ยิน” มัน แปลว่าเราไม่ใช่ “มัน”

ขั้นตอนที่ 2: ไม่ต้องไปเชื่อมัน (Doubt the Doubt) เมื่อเรารู้แล้วว่ามันเป็นแค่เสียง เราก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อมันทุกเรื่อง ลองจินตนาการว่าถ้ามีคนมายืนบ่นข้างๆ หูเราตลอดเวลาว่าเราห่วยแค่ไหน เราคงเดินหนีไปนานแล้ว แต่พอเป็นเสียงในหัวตัวเอง เรากลับยอมเชื่อง่ายๆ

ขั้นตอนที่ 3: ใช้เทคนิค “เชื่อมโยงกับเรื่องง่าย” (Easy Link) นี่คือเทคนิคที่ได้ผลมาก บ่อยครั้งที่สมองเราเชื่อมโยงช็อตยากๆ (เช่น การพัตต์ไกล) เข้ากับ “ความล้มเหลวในอดีต” ทำให้เราเกร็ง

การนึกถึงความรู้สึก “ง่าย” นี้ จะช่วยหลอก Self 1 ให้หยุดทำงานชั่วคราว และปลดปล่อยให้ Self 2 (ร่างกาย) ทำงานอย่างผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

บทสรุป

ความสงสัยในตัวเองเป็นเพียงความคิด ไม่ใช่ความจริง อย่าปล่อยให้ “เสียงในหัว” มาทำลายเกมของคุณ

ครั้งต่อไปที่ยืนอยู่หน้าลูก ให้ลองหายใจลึกๆ รับรู้ถึงเสียงวิจารณ์ของ Self 1 ยิ้มให้มัน แล้วเลือกที่จะ “เชื่อใจ” ร่างกาย (Self 2) ของคุณ ปล่อยให้มันสวิงอย่างเป็นอิสระ คุณอาจจะแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ได้ครับ

ตีเท่าไหร่ก็พลาด? มาแก้ ‘เกร็งเกิน’ ในวงสวิงกอล์ฟกัน! (ฉบับ Inner Game)

ตีเท่าไหร่ก็พลาด? มาแก้ ‘เกร็งเกิน’ ในวงสวิงกอล์ฟกัน! (ฉบับ Inner Game)

เวลาออกรอบหรือซ้อมไดรฟ์ ตั้งใจจะตีให้ดี แต่กลับตีแป้ก ตีสไลซ์ ตีฮุค หรือตีไม่โดนลูกซะงั้น? อาการแบบนี้ หลายครั้งเกิดจากสิ่งที่เราเรียกว่า “ความเกร็งตัวมากเกินไป” (Overtightness) นั่นเอง วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องนี้ในมุมมองของ “Inner Game” หรือเกมส์ภายในจิตใจกันครับ รับรองว่าอ่านจบแล้ว วงสวิงเพื่อนๆ อาจจะลื่นไหลขึ้นเยอะเลย! 😉

วิดีโอ: แก้เกร็งวงสวิงกอล์ฟ

เกร็งเกินไป ไม่ใช่แค่เรื่องของการ ‘ออกแรงเยอะ’

หลายคนคิดว่าการเกร็งตัวเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่เราพยายามตีลูกให้ไกลสุดแรงเกิด แต่จริงๆ แล้ว การเกร็งเกินจำเป็นนี่แหละครับ คือตัวการร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาฮิตๆ อย่าง:

  • ตีสไลซ์ (Slice) / ตีฮุค (Hook)
  • ตีท็อปหัวลูก (Topped balls)
  • ตีหลังลูก (Fat shots)
  • วงสวิงติดขัด ไม่เต็มวง
  • อาการ “ยิปส์” (Yips) เวลาชิพหรือพัตต์สั้นๆ แล้วมือกระตุก

เคยสังเกตไหมครับว่า ทำไมโปรถึงตีได้ลื่นไหล ดูสบายๆ แต่ได้พลังเยอะมาก ส่วนพวกเราบางทีดูเก้ๆ กังๆ กระตุกๆ นั่นเพราะโปรเขาสามารถใช้กล้ามเนื้อได้ถูกส่วน ถูกจังหวะ ไม่มีการเกร็งเกินจำเป็นนั่นเอง

ทำไม ‘เกร็งเกิน’ ถึงแก้ยาก? สั่งให้ ‘ผ่อนคลาย’ ก็ไม่หาย?

เคยมีคนบอก หรือบอกตัวเองไหมครับว่า “เฮ้ย ผ่อนคลายหน่อย อย่าเกร็ง!” แล้วมันได้ผลไหม? ส่วนใหญ่มักจะยิ่งเกร็งกว่าเดิม! นั่นเพราะว่า:

  1. กล้ามเนื้อไม่เข้าใจภาษาพูด: เราสั่งกล้ามเนื้อเป็นคำพูดไม่ได้โดยตรง
  2. มันซับซ้อนเกินไป: วงสวิงใช้กล้ามเนื้อเป็นพันๆ มัด ทำงานประสานกันอย่างซับซ้อน สมองส่วนคิดวิเคราะห์ของเราควบคุมทั้งหมดไม่ไหวหรอกครับ
  3. การพยายามควบคุมยิ่งทำให้แย่: ยิ่งเราพยายามเข้าไปบังคับทุกส่วนของวงสวิง ร่างกายจะยิ่งต่อต้านและเกร็งมากขึ้น

ต้นตอที่แท้จริง: ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่เป็น ‘ใจ’ ที่สงสัย

Inner Game บอกเราว่า ปัญหาการเกร็งเกินจำเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากความพยายามทางกายภาพอย่างเดียว แต่มาจาก “เกมส์ภายในจิตใจ” ของเราต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกที่เรียกว่า “ความสงสัยในตนเอง” (Self-Doubt)

เคยสังเกตไหมครับว่า เวลาเราไม่มั่นใจในอะไรบางอย่าง เรามักจะเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ? อาร์ชี แมคกิลล์ นักกอล์ฟเก่งคนหนึ่งเคยบอกผู้เขียนไว้ว่า “เมื่อเราเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้ เราจะเกร็ง”

ความสงสัยนี่แหละครับที่ทำให้:

  • นักสกีเกร็งตัวบนยอดเขา
  • นักเทนนิสเกร็งเวลาตีแบ็คแฮนด์ยากๆ
  • และนักกอล์ฟอย่างเราเกร็งเวลาพัตต์สั้นๆ หรือต้องตีช็อตสำคัญๆ!

ความสงสัยทำให้เราไม่ไว้ใจ “ตัวตนที่ 2” (Self 2) หรือสัญชาตญาณและความสามารถตามธรรมชาติของร่างกายเรา แล้ว “ตัวตนที่ 1” (Self 1) หรือเสียงในหัวที่คอยสั่ง คอยวิจารณ์ ก็จะเข้ามาพยายามควบคุมแทน ทำให้เกิดการเกร็งเกินจำเป็น

วิธีแก้เกร็งสไตล์ Inner Game: ไม่ใช่การสั่ง แต่คือการ ‘รับรู้’

เมื่อรู้ว่าการสั่งให้ผ่อนคลายไม่ได้ผล แล้วเราจะทำยังไงดี? คำตอบคือ “การเพิ่มการรับรู้” (Awareness) ครับ

  1. รับรู้ความเกร็ง (โดยไม่ตัดสิน): ขั้นแรก ลองสวิงตามปกติ แล้วสังเกตดูว่ารู้สึกเกร็งตรงไหนบ้าง? เกร็งตอนไหน? สำคัญมาก: แค่รับรู้เฉยๆ ไม่ต้องพยายามแก้ไข ไม่ต้องตัดสินว่าดีหรือไม่ดี แค่การรับรู้อย่างมีสตินี่แหละครับ ที่จะช่วยให้ร่างกายเริ่มปรับตัวผ่อนคลายได้เองอย่างน่าทึ่ง!
  2. ลอง ‘ฮัมเพลง’ ไปด้วยสิ!: เทคนิคสนุกๆ ที่ช่วยให้เรารับรู้ความเกร็งได้ชัดขึ้นคือ การฮัมเพลงเบาๆ ไปด้วยขณะสวิง สังเกตดูว่าเสียงฮัมเปลี่ยนไปไหม? มันตึงขึ้น หรือขาดหายไปตอนไหน? เสียงฮัมจะทำหน้าที่เหมือนเครื่อง Biofeedback ช่วยให้เรารู้ตัวว่าเกร็งตอนไหน และร่างกายจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะสวิงให้ลื่นไหลขึ้นเอง โดยที่เราแค่ ‘ฟัง’ เสียงฮัมของเรา
  3. เกร็งสุด แล้วปล่อยสุด: อีกวิธีที่ช่วยได้คือ ลองจงใจเกร็งกล้ามเนื้อส่วนที่รู้สึกตึง (เช่น ท้อง, ไหล่, แขน) ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้สัก 5-10 วินาที แล้วคลายออกทันที ทำซ้ำสัก 2-3 ครั้ง จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายได้ลึกขึ้นกว่าเดิม และยังช่วยระบายความหงุดหงิดที่สะสมอยู่ได้ด้วย

สรุป: วงสวิงที่ดี เริ่มที่ใจที่ผ่อนคลาย

ความเกร็งตัวมากเกินไปเป็นปัญหาใหญ่ของนักกอล์ฟหลายคน ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากความสงสัยในตนเอง แทนที่จะพยายามสั่งร่างกายให้ผ่อนคลาย ลองหันมาใช้เทคนิคของ Inner Game คือการ ‘เพิ่มการรับรู้’ ถึงความเกร็ง โดยไม่ต้องตัดสินหรือพยายามแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตความรู้สึกเฉยๆ, การใช้เสียงฮัมเพลงช่วย , หรือการเกร็ง-คลายกล้ามเนื้อ วิธีเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเองครับ ลองนำไปฝึกซ้อมดูนะครับ แล้ววงสวิงของเพื่อนๆ อาจจะดีขึ้นจนน่าแปลกใจเลยก็ได้! 😊🏌️‍♂️

เราเล่นกอล์ฟไปเพื่ออะไร? ค้นหาความสุขที่แท้จริงในสนามกอล์ฟ

เราเล่นกอล์ฟไปเพื่ออะไร? ค้นหาความสุขที่แท้จริงในสนามกอล์ฟ

พี่ๆ นักกอล์ฟเคยรู้สึกมั้ยครับว่ากีฬากอล์ฟเนี่ย มันเป็นกิจกรรมที่ทำให้เรามีความสุขและพอใจแบบสุดๆ ได้ มันเป็นโอกาสให้เราได้ออกมาเจอธรรมชาติ ออกกำลังกาย ได้ใช้เวลากับเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ตอบสนองความชอบในการแข่งขันของเรา แต่ในขณะเดียวกัน กีฬานี้ก็สามารถทรมานจิตใจเราได้อย่างแสนสาหัสเหมือนกัน

นักกอล์ฟหลายคนที่เล่นมานานๆ มักจะเคยผ่านจุดที่ทั้งรักทั้งเกลียดกีฬานี้มาแล้วทั้งนั้น และบ่อยครั้งที่เราอาจจะลืมไปว่าจริงๆ แล้ว เราเริ่มเล่นกอล์ฟไปเพื่ออะไรกันแน่ ความหมกมุ่นกับเรื่องสกอร์และผลงานในสนาม มักจะเข้ามาขัดขวางความสนุกในการเล่นของเรา

ปัญหานี้เป็นปัญหาหลักเลยนะครับ ที่ทำให้นักกอล์ฟส่วนใหญ่ไม่มีความสุขในสนาม และอาจจะเล่นได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งต้นตอก็มาจากเรื่องง่ายๆ เรื่องเดียวเลยครับ คือ

“ความคาดหวัง” ที่มันไม่ตรงกับความเป็นจริง วันนี้เราจึงเลือกที่จะพูดถึงเรื่อง “การจัดการความคาดหวัง” เป็นอันดับแรก เพราะถ้าเราจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องอื่นๆ ที่จะตามมาก็อาจจะไม่มีความหมายเลย

ลองถามตัวเองดู…เราเล่นกอล์ฟไปเพื่ออะไร?

คำถามนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ นะครับ แต่ผมอยากให้พี่ๆ ลองถามตัวเองดูจริงๆ ว่า “เราเล่นกอล์ฟไปทำไม?”

แน่นอนว่าสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ คำตอบคงไม่ใช่ “เพื่อหาเลี้ยงชีพ” เพราะการเป็นนักกอล์ฟอาชีพนั้นมีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่จะทำได้ และถึงแม้จะเป็นอาชีพ ก็อาจจะไม่ได้สนุกอย่างที่เราคิดเสมอไป

ดังนั้น ถ้ากอล์ฟไม่ใช่อาชีพของเรา นั่นหมายความว่าเรากำลัง “เลือก” ที่จะใช้เวลาว่างของเรากับกิจกรรมนี้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่ากอล์ฟเป็นกีฬาที่ใช้เวลาเยอะมาก กว่าจะขับรถฝ่ารถติดไปสนาม กว่าจะซ้อม วอร์มอัพ แล้วออกรอบ 9 หรือ 18 หลุม ก็หมดไปแล้วเกือบทั้งวัน

แล้วในเวลาที่เราเสียไปทั้งวันเนี่ย… เราอยากจะใช้มันไปกับอะไรครับ?

เราอยากจะหัวเสียกับทุกช็อตที่พลาดหรือเปล่า?

เราอยากให้อารมณ์ขุ่นมัวไปทั้งวันเพียงเพราะวันนี้ตีไม่ถึง 90 ใช่ไหม?

ถ้าเราลองถอยออกมามองดู จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลยที่เราจะยอมทรมานตัวเองกับกิจกรรมที่เราเลือกทำเพื่อพักผ่อน แต่ก็นั่นแหละครับ ทุกครั้งที่เราออกรอบ มันก็เหมือนการนั่งรถไฟเหาะทางอารมณ์อยู่ตลอดเวลา

เป้าหมายหลักคือ “ความสนุก”

สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครบอกได้ว่าเราควรจะเล่นกอล์ฟแบบไหน เพราะนั่นคือสิ่งที่เราต้องตอบตัวเอง และนี่คือความสวยงามของกีฬากอล์ฟครับ เราสามารถสนุกกับมันได้หลายรูปแบบ

บางคน ชอบการแข่งขัน อยากพัฒนาฝีมือให้เก่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

บางคน แค่อยากออกมาเดินออกกำลังกาย หรือใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูง โดยที่สกอร์จะเป็นยังไงก็ช่าง

บางคน ใช้กอล์ฟเป็นพื้นที่สำหรับสังสรรค์ หรือแม้แต่พาลูกค้ามาคุยธุรกิจ

ไม่ว่าพี่จะเล่นกอล์ฟด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมหวังว่าหนึ่งในนั้นจะมีคำว่า

“เพื่อความสนุก” อยู่ด้วยนะครับ เพราะผมเห็นนักกอล์ฟมากมายที่ลืมเป้าหมายง่ายๆ ข้อนี้ไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

ปรับมุมมองสักนิด เพื่อความสุขที่ยั่งยืน

ใน EP ต่อไป จะช่วยให้พี่ๆ ได้ปรับเปลี่ยนความคาดหวังที่มีต่อกีฬากอล์ฟ ข้อมูลส่วนใหญ่อาจจะทำให้เรารู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะเลยครับ เพราะที่ผ่านมาเราอาจจะเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของเกมนี้มากขึ้นจากสถิติและข้อมูลต่างๆ เราจะพบว่าจริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องตีดีทุกช็อตเพื่อที่จะมีความสุขและทำสกอร์ที่ดีได้

แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น อยากให้พี่ๆ ลองคิดอยู่เสมอว่าเราอยากจะมีความสัมพันธ์แบบไหนกับกีฬากอล์ฟ ถ้าอยากพัฒนาฝีมือ ผมนี้มีไอเดียให้มากมายแน่นอน แต่ไอเดียเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ผลเลย ถ้าเราไม่มีความสุขไปกับกระบวนการทั้งหมด การจัดการความคาดหวังจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดครับ!

เคล็ดลับพัตต์กอล์ฟ: เลิกเชื่อเรื่อง “สโตรกเทพ” แล้วพัตต์ให้ลง!

เคล็ดลับพัตต์กอล์ฟ: เลิกเชื่อเรื่อง “สโตรกเทพ” แล้วพัตต์ให้ลง!

สวัสดีครับพี่ๆ นักกอล์ฟทุกท่าน วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่คาใจนักกอล์ฟส่วนใหญ่กันดีกว่า โดยเฉพาะคนที่ซ้อมพัตต์แทบตาย แต่พอลงสนามจริงก็ยังพัตต์ไม่ลงเหมือนเดิม… เคยสงสัยมั้ยครับว่าทำไม?

หลายคนมักจะโทษ “สโตรก” ของตัวเอง “สงสัยสโตรกเรายังไม่ดีพอ” “ต้องลากพัตเตอร์ให้ตรงกว่านี้” หรือบางคนก็ไปไกลถึงขั้นคิดเรื่อง “การกลิ้งของลูก” ว่าต้องให้ลูกหมุนแบบมี Topspin สวยๆ ลูกจะได้วิ่งเกาะไลน์ดีๆ…

ผมขอบอกตรงนี้เลยนะครับว่า… ทั้งหมดนั่นเป็นแค่ “มายาคติ” หรือเรื่องที่เราคิดกันไปเองทั้งนั้น!

มายาคติข้อที่ 1: สโตรกพัตต์ที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Stroke) มันไม่มีอยู่จริง!

ในสนามไดรฟ์หรือตามนิตยสารกอล์ฟ เรามักจะเห็นคำสอนว่า…

“สายตาต้องอยู่ตรงกับลูกพอดี”

“แขนต้องทิ้งดิ่งเป็นลูกตุ้มนาฬิกา”

“ห้ามขยับหัวเด็ดขาด!”

ฟังดูดีใช่มั้ยครับ? แต่ในความเป็นจริงแล้ว โปรระดับโลกหลายคนก็ไม่ได้ทำตามตำราเป๊ะๆ เลยสักนิด

จำลูกพัตต์หยุดโลกของ จัสติน เลนเนิร์ด ในการแข่งขันไรเดอร์คัพปี 1999 ได้มั้ยครับ? ลูกนั้นทั้งไกล ทั้งไลน์ยากสุดๆ แต่เขาก็พัตต์ลงไปได้ท่ามกลางความกดดันมหาศาล ทั้งๆ ที่ถ้าเราเอาตำรามาจับผิด ท่ายืนของจัสตินนี่ “ผิด” เกือบทุกอย่างเลยครับ! สายตาก็ไม่ได้อยู่ตรงลูก แขนก็ไม่ได้ทิ้งดิ่ง… แล้วทำไมเขาถึงพัตต์ลงล่ะ?

หรืออย่าง “เทพพัตต์” เบน เครนชอว์ เคยมีคนไปถามเขาว่ากำลังซ้อมอะไรอยู่ เขาตอบว่า “ผมกำลังพยายามทำให้รู้สึกว่าสโตรกมัน ‘ยาวไปสั้น’ และให้หัวมันขยับนิดๆ”

แค่ประโยคเดียว ทำเอาโค้ชที่สอนตามตำราถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เพราะมันตรงข้ามกับที่สอนๆ กันมาโดยสิ้นเชิง!

ประเด็นคืออะไร?
ประเด็นคือมันไม่มี “ท่า” ที่ถูกต้องที่สุดเพียงท่าเดียวครับ สิ่งที่สำคัญกว่าท่าทางสวยๆ คือ “ความรู้สึกและความมั่นใจ” ของตัวนักกอล์ฟเองต่างหาก

การที่เรามัวแต่ไปพะวงกับท่าทางที่ “สมบูรณ์แบบ” เช่น ต้องล็อกข้อมือ หัวต้องนิ่งสนิท พัตเตอร์ต้องลากตรงเป๊ะ… มันทำให้เราเกร็ง และสมองของเราจะเปลี่ยนจากการ “พัตต์ให้ลงหลุม” ไปเป็นการ “พยายามทำท่าให้ถูกต้อง” แทน สุดท้ายแล้วสโตรกที่ออกมาก็จะแข็งทื่อ ขาดความลื่นไหล และพัตต์ไม่ลงอยู่ดี

มายาคติข้อที่ 2: การกลิ้งของลูกที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Roll) ก็แค่เรื่องเพ้อฝัน!

อีกเรื่องที่ได้ยินบ่อยๆ คือ “ต้องพัตต์ให้ลูกมี Topspin นะ ลูกจะได้วิ่งดีๆ” หรือบางคนถึงขั้นเชื่อว่าโปรสามารถพัตต์ให้ลูก “ฮุค” หรือ “สไลซ์” ได้เหมือนตีเหล็ก

อยากให้ลองทำการทดลองง่ายๆ แบบนี้ครับ:

ครั้งต่อไปที่ไปสนามไดรฟ์ ลองหยิบ “ลูกลาย” (ลูกที่มีแถบสีคาด) ไปที่กรีนซ้อมพัตต์ นั่งลงห่างจากหลุมสัก 15-20 ฟุต แล้วลองใช้ “มือ” ของคุณนี่แหละครับ พยายามปั่นลูกให้หมุนข้าง (Sidespin) ให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนเวลาเราขว้างลูกเคิร์ฟในกีฬาเบสบอล แล้วกลิ้งมันไปที่หลุม

คุณจะเห็นว่า… ลูกมันหมุนควงอยู่แค่ไม่กี่ฟุตแรกเท่านั้นแหละครับ! หลังจากนั้น แรงเสียดทานของหญ้าจะทำให้การหมุนข้างหายไปอย่างรวดเร็ว และลูกจะเปลี่ยนมาเป็นการกลิ้งไปข้างหน้าตรงๆ (Topspin) ตามธรรมชาติของมันเอง

ทีนี้… ขนาดใช้มือปั่นสุดแรงยังได้แค่นี้ แล้วการใช้หน้าพัตเตอร์ที่แทบจะไม่มีองศาเลย มันจะไปสร้าง Sidespin ที่มีผลต่อไลน์ได้ยังไงกัน?

ประเด็นคืออะไร?
ลูกกอล์ฟมันกลมครับ หน้าที่ของมันคือการ “กลิ้ง” การพยายามจะไปสร้างสปินพิเศษให้มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลย และที่สำคัญกว่านั้นคือ… มันทำให้เราเสียสมาธิ!

แทนที่สมองจะโฟกัสไปที่ “เป้าหมาย” คือหลุม มันกลับไปคิดเรื่อง “วิธีการ” คือจะทำยังไงให้ลูกหมุนสวยๆ ผลลัพธ์ก็คือเราจะพัตต์แบบจิกๆ งัดๆ เพื่อสร้างสปิน แล้วไลน์กับระยะก็จะเพี้ยนไปหมด

แล้วทางออกคืออะไร? ถ้าไม่ใช่สโตรกเทพ แล้วต้องทำยังไง?

ง่ายนิดเดียวเลยครับ… เลิกคิดเรื่องท่าทาง แล้วหันมา “รักในสโตรกที่คุณมี” ซะ!

สโตรกพัตต์ของคุณ ไม่ว่ามันจะดูแปลกในสายตาคนอื่นแค่ไหน แต่มันคือสโตรกที่เป็นธรรมชาติที่สุดสำหรับคุณ มันดีพอที่จะพาลูกลงหลุมได้แน่นอน ขอแค่คุณเชื่อมั่นในตัวมัน

ครั้งต่อไปที่คุณจะพัตต์ ลองทำแบบนี้ครับ:

มองเป้าหมาย: อ่านไลน์ให้ขาด แล้วตัดสินใจเลือก “จุด” ที่คุณจะให้ลูกวิ่งผ่าน (อาจจะเป็นรอยด่างบนหญ้า หรือขอบหลุมด้านใดด้านหนึ่ง)

เห็นภาพ: จินตนาการเห็นลูกกลิ้งออกจากหน้าพัตเตอร์ วิ่งไปตามไลน์ที่คุณอ่านไว้ แล้วตกลงไปในหลุม

เลิกคิดแล้วพัตต์: เมื่อเห็นภาพชัดเจนแล้ว ให้เลิกคิดทุกอย่าง! ไม่ต้องสนว่าหัวจะขยับมั้ย แขนจะตรงรึเปล่า… แค่ปล่อยให้ร่างกายมันทำงานไปตามสัญชาตญาณ “เห็นแล้วพัตต์” แค่นั้นพอ

ร่างกายของเราฉลาดกว่าที่เราคิดครับ ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในหัว (คือหลุม) สมองและระบบประสาทจะสั่งการกล้ามเนื้อให้ปรับสโตรกเองโดยอัตโนมัติ เพื่อส่งลูกไปยังเป้าหมายนั้นให้ได้

สรุปง่ายๆ :
การพัตต์กอล์ฟมันเหมือนการโยนลูกบาสลงห่วง หรือโยนกระดาษลงถังขยะนั่นแหละครับ เราไม่ได้มานั่งคิดหรอกว่าต้องง้างแขนกี่องศา หรือต้องปล่อยข้อมือยังไง… เราแค่มองเป้าแล้วก็โยนออกไปเลย

เลิกตามหาสโตรกที่สมบูรณ์แบบที่ไม่มีอยู่จริง เลิกกังวลว่าลูกจะหมุนสวยมั้ย… แล้วหันมาเชื่อมั่นในสโตรกของตัวเอง โฟกัสที่เป้าหมาย แล้วคุณจะแปลกใจว่า… แค่นี้เองเหรอวะ? ทำไมมันลงง่ายจัง!

0
No products in the cart